ชวนมารู้จักกับดอกไม้งาม นาม “ชวนชม”

ชวนมารู้จักกับดอกไม้งาม นาม “ชวนชม”

ชวนมารู้จักกับดอกไม้งาม นาม “ชวนชม”

            ชวนชม เป็นพรรณไม้ที่มีดอกสีสันสะดุดตา รูปทรงของลำต้นและกิ่งก้านก็อ่อนช้อยนุ่มนวล ทั้งยังเป็นไม้ที่ปลูกเลี้ยงง่าย ทนต่อสภาพแห้งแล้งได้ดี เพราะมีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกา จนได้รับสมญาว่าเป็น “กุหลาบทะเลทราย” เลยทีเดียว

           สำหรับในประเทศไทย ยังไม่แน่ชัดว่ามีผู้นำชวนชมเข้ามาปลูกเลี้ยงตั้งแต่เมื่อใด แต่พอสันนิษฐานได้ว่ามีการนำเข้ามาไม่ต่ำกว่า 80 ปีแล้ว โดยผ่านทางราชสำนักหลังการเสด็จต่างประเทศ เพราะพบเห็นมีการปลูกต้นชวนชมอยู่ในเขตพระราชวังและวังเจ้านายทั่วไป

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

            ชวนชม จัดเป็นพืชในวงศ์เดียวกับ ลีลาวดี ลำต้นและกิ่งเป็นไม้เนื้ออ่อน เปลือกบาง อวบน้ำ เป็นลำกลม ส่วนโคนของลำต้นพองออก มีขนาดรูปทรงใหญ่เล็กแตกต่างกันไป เรียกว่า “โขด” มีไว้สำหรับเก็บน้ำเพื่อรักษาสมดุลของต้น แตกกิ่งก้านไม่เป็นระเบียบ ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเวียนรอบกิ่งคล้ายกังหัน และออกหนาแน่นตามปลายกิ่ง มีรูปร่างหลายแบบขึ้นกับสายพันธุ์ เช่น ใบรูปไข่ ใบรูปหอก ปลายใบเว้า มน ขอบใบเรียบ หรือหยัก เป็นต้น แผ่นใบหนาแข็ง เป็นมัน บางพันธุ์มีขนนุ่มที่ใต้ท้องใบ

           ชวนชมจะออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ช่อละ 10-20 ดอก มีทั้งแบบบานพร้อมกันทั้งช่อ และทยอยบาน โดยจะสามารถบานได้นาน 10-20 วัน ดอกบานเต็มที่จะมีขนาดความกว้างประมาณ 8-10 เซนติเมตร กลีบดอกมีหลายสี เช่น สีชมพูอ่อน ชมพูบานเย็น แดง และขาว

การปลูกและดูแลรักษา

           เนื่องจาก ชวนชม เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบแอฟริกาซึ่งมีสภาพแห้งแล้ง เมื่อนำมาปลูกในสภาพแวดล้อมที่ดีกว่า ก็ย่อมจะเจริญเติบโตได้ดีกว่า แต่โครงสร้างของต้นชวนชมก็ยังเป็นไม้อวบน้ำอยู่เช่นเดิม คือต้นยังอวบน้ำและทนน้ำขังไม่ได้ ดังนั้นดินที่เหมาะในการปลูกจึงควรเป็นดินร่วนซุย และมีการระบายน้ำได้ดีคล้ายดินทราย

           ต้นชวนชมที่ยังอ่อนต้องให้น้ำน้อยๆ เพราะถ้าได้น้ำมากจะเน่าง่าย แต่ถ้าเป็นชวนชมต้นใหญ่ควรให้น้ำวันละครั้ง สำหรับช่วงฤดูฝนอาจเว้นการรดน้ำบ้างตามความเหมาะสม แต่ถ้าขาดน้ำนานเกินไป ใบจะเหี่ยวหรือไหม้ตามขอบใบ ดอกก็จะเหี่ยวและร่วงเร็ว หากขาดน้ำประมาณ 1 สัปดาห์ ต้นของชวนชมจะนิ่ม แต่เมื่อได้รับน้ำและปุ๋ยอีกครั้งก็จะแตกใบขึ้นมาใหม่

              แม้ธรรมชาติของชวนชมจะมีทรงต้นและการบิดตัวที่สวยงามอยู่แล้ว แต่ก็ยังจำเป็นที่ต้องมีการตัดแต่งบ้าง โดยเฉพาะต้นที่มีอายุตั้งแต่ 3 ปี ขึ้นไป จะมีกิ่งก้านเก้งก้าง ไม่เป็นพุ่มสวยงาม จึงควรตัดกิ่งก้านที่แตกออกมาไม่เป็นระเบียบ กิ่งที่ตาย กิ่งที่หัก กิ่งที่คด และกิ่งที่เป็นโรคออกบ้าง เพื่อช่วยเปิดให้แสงและอากาศถ่ายเทได้สะดวก โดยใช้มีดที่คมและสะอาดตัดให้ชิดลำต้น ไม่เหลือตอกิ่งไว้ และถ้ารอยตัดมีขนาดใหญ่กว่า 1 เซนติเมตร ควรใช้ปูนแดงทาที่รอยตัดเพื่อป้องกันเชื้อราด้วย

มีสาระ กับคน รักดอกไม้ และ รักต้นไม้ กันได้เป็นประจำทุกสัปดาห์กับเราได้ในเว็บไซต์นี้ ruk-suan.com ติดตามได้ที่ page Facebook คนรักบ้าน

Facebook
Twitter