“สนฉัตร ” ต้นไม้ที่ให้ความสวยงามแบบโมเดิร์น ให้อารมณ์เหมือนอยู่ต่างประเทศ
ต้นสนฉัตร นับเป็นไม้ยอดนิยมที่คนนำมาปลูกเพื่อประดับบ้านกันมาก รวมถึงใช้ตกแต่งเป็นต้นคริสต์มาสในหลายๆ ประเทศ ด้วยรูปทรงที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ แถมยังปลูกง่ายแม้จะเป็นมือใหม่ นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติช่วยดูดสารพิษในอากาศ จึงสามารถปลูกได้ทุกจุดในบ้าน ขอเพียงให้มีแดดส่องถึงเท่านั้น
ลักษณะทั่วไป
สนฉัตร มีถิ่นกำเนิดมาจากทวีปอเมริกาใต้และออสเตรเลีย มีลักษณะเป็นไม้พุ่ม ลำต้นตรงแข็งแรง แตกกิ่งก้านแผ่กางออกเป็นชั้นๆ คล้ายฉัตร ใบสีเขียวสดและไม่ผลัดใบ ชอบแสงแดดจัด และต้องการความชื้นสูง ปลูกได้ทั้งในกระถางและปลูกลงดิน

ประโยชน์ด้านอื่นๆ ของสนฉัตร
นอกจากใช้เป็นไม้ประดับเพื่อความสวยงาม และดูดซับสารพิษในอากาศแล้ว ไม้ตระกูลสนยังมีเนื้อไม้ที่ดี สามารถใช้ประโยชน์ในงานก่อสร้าง และงานตกแต่งบ้านได้ เพราะเนื้อไม้ของ สนฉัตร มีลายเส้นที่ชัดเจนสวยงาม หากนำมาขัดเงา ก็จะยิ่งเห็นความสวยของลายไม้ยิ่งขึ้น น้ำยางของ สนฉัตร ยังมีสรรพคุณเป็นยาสมุนไพร มีกลิ่นหอม ใช้รักษาแผล ทาแก้ฟกช้ำและปวดเมื่อยได้ ส่วนเมล็ดก็สามารถนำมารับประทานเป็นอาหารได้อีกด้วย
วิธีการปลูกและดูแล
การปลูกต้น สนฉัตร สามารถทำได้ 2 วิธี คือปลูกด้วยเมล็ด และการปักชำกิ่ง

ปลูกด้วยเมล็ด
ทำโดยการปลูกลงในดินที่ร่วนซุย ระบายน้ำได้ดี และมีธาตุอาหาร นิยมผสมดินกับปุ๋ยคอก แกลบดำ และขุยมะพร้าว ในอัตราส่วนที่เท่ากัน และควรเพาะเมล็ดในแปลงหลุมก่อน โดยหยอดลงในดินลึก 1 เซนติเมตร แล้วกลบบาง ๆ รดน้ำให้ชุ่ม เมื่อกล้าไม้มีอายุประมาณ 30 วัน จึงย้ายไปลงกระถางหรือถุงปลูก
ปลูกด้วยการปักชำกิ่ง
ควรเลือกกิ่งที่มาจากต้นสนที่ปลูกด้วยเมล็ด เพราะจะแข็งแรงกว่า ดินที่ใช้ปักชำ ก็จะเป็นแบบเดียวกับการปลูกด้วยเมล็ด และมีข้อควรระวังคือ อย่าให้โดนแดดจัดมากในช่วงแรก และควรรดน้ำแค่วันละครั้ง พอให้ดินชุ่ม พอเริ่มมีรากออกมา จึงค่อยเพิ่มปริมาณน้ำ

โรคและแมลงศัตรูพืช
ต้นสนที่อายุยังไม่เกิน 2 ปี มักจะพบโรคจากเชื้อรา ซึ่งเกาะอยู่ตามใบ อาจส่งผลให้ใบกลายเป็นสีเหลืองหรือสีน้ำตาล จนถึงขั้นใบร่วง สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดพ่นยากำจัดเชื้อราทุก ๆ 1 – 2 เดือน โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนควรดูแลเป็นพิเศษ เพราะความชื้นสูงจะทำให้เกิดราได้ง่าย
ส่วนแมลงศัตรูพืชของต้นสน จะเป็นไรแดงและเพลี้ยแป้ง ซึ่งจะมาดูดกินน้ำเลี้ยงของใบสน และปล่อยใยคลุมใบ ส่งผลให้ใบซีด นอกจากนี้ในต้นสนฉัตรที่อายุมาก ก็อาจมีปลวกมากัดกินเนื้อไม้ ซึ่งสามารถป้องกันได้โดยการฉีดพ่นยากำจัดปลวก ทุกๆ 2 – 3 เดือน
ติดตามอ่านเรื่องราวดีๆมีสาระ กับคน รักต้นไม้ กันได้เป็นประจำทุกสัปดาห์กับเราได้ในเว็บไซต์นี้ ruk-suan.com
Cr. baanlaesuan